บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทยแนวโน้มความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศไทยในไตรมาส 2/67 ถึง ไตรมาส 4/67 คาดว่าจะมีการเติบโตได้ดี หลังจากไตรมาส 1 ลดลงถึง 12%คำพูดจาก เว็บสล็อตแมชชีนแท้

ทั้งนี้ ส่วนของ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC) หรือ ปูนกลางคาดว่าจะมีแรงหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้รวมแล้วคาดว่าปี 2567 จะทรงตัวจากปี 2566คำพูดจาก สล็อต777

หวังเวียดนาม-ศรีลังกา ความต้องการปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น

ขณะที่ความต้องการในต่างประเทศ SCCC ประเมินความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนามปี 2567 จะฟื้นตัวได้ 6% หลังจากปี 2566 ลดลง 25% โดยมีปัจจัยบวกกจากโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายการลงทุนภาครัฐบาลมากขึ้น

ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศศรีลังกาทาง SCCC ประเมินความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศศรีลังกาปี2567 จะฟื้นตัวได้ 9% หลังจากปี 2566 ลดล ง27% แรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการสนับสนุนจาก IMF

SCCCฟื้นตัวต่อเนื่อง กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 53%

เปิดกำไรไตรมาสแรกปีนี้ 1,147 ล้านบาท โต 51% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและยังดีขึ้นจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว 39%

อย่างไรก็ตาม SCCC มีผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง กำไรสุทธิ 1,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ด้านต้นทุนในปี 2567 ทั้งการได้ปรับลดลงจากปี 2566 คือ ต้นทุนราคาถ่านหิน และต้นทุนไฟฟ้านอกจากนี้ ยังได้การลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตลงรวมไปถึงลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ลงทำให้ช่วงที่เหลือของปี 2567 จะเด่นต่อเนื่อง

ลุ้นปี 67 ปันผลเพิ่มเป็น 9 บาท

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ายอดขายของ SCCC จะอยู่ที่ 44,118 ล้านบาท เติบโต 4.5% มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 26.8% จาก 25.4% ในปี 2566 และมีกำไรปกติ 3,284 ล้านบาท ฟื้นตัวดี 25% จากปีก่อนหน้า

สำหรับ ปี2567 SCCC มีกระแสเงินสดในรูป EBITDA สูง 7 พันล้านบาทแนวโน้มกำไรปี 2567 ที่โตสูง คาดว่าจะจ่ายปันผลกำไรปี 2567 เพิ่มเป็น 9 บาทคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.5% โดยผลประกอบการปี 2567 คาดจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลหลังจากประกาศงบไตรมาส 2 ปี 2567